มาร์กอส อลอนโซ่ แบ็กซ้ายของ เชลซี ออกมาพูดถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งที่ตัวเองมีปัญหากับ แฟร้งค์ แลมพาร์ด เจ้านายเก่าจนเกือบหมดอนาคตกับทีม
ย้อนกลับไปในเกมที่เสมอกับ เวสต์บรอมวิช 3-3 ที่ เดอะ ฮอว์ธอร์น ในเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อเดือนกันยายน 2020 แบ็กชาวสเปนโดนเปลี่ยนตัวออกในช่วงพักครึ่งหลังจากโดนทะลวงตาข่าย 3-0 แต่สุดท้ายมาตามตีเสมอได้ในครึ่งหลัง
อลอนโซ่ ที่ไม่ได้มานั่งที่ม้านั่งข้างสนามในครึ่งหลังเผยว่าตัวเองกลับไปห้องแต่งตัวไม่นานก่อนสิ้นเสียงนกหวีดเพื่อที่จะกลับกับรถบัสของทีมแต่ทาง แลมพาร์ด โกรธจัดและด่ากราดต่อหน้านักเตะในทีม
อย่างไรก็ตามทาง อลอนโซ่ ปกป้องการกระทำของตัวเองเมื่อครั้งอดีตพร้อมยืนยันว่าเพื่อนร่วมทีมไม่ได้โกรธเคืองกับการที่เจ้าตัวไม่ได้นั่งอยู่ที่ข้างสนามหลังโดนเปลี่ยนตัว
“ผู้จัดการทีมทำไม่ถูกซึ่งผมอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้น เขาคิดว่าผมออกจากสนามก่อนจบเกมแต่ผมบอกเขาไปว่าไม่ใช่” อลอนโซ่ กล่าวผ่าน ดิ แอธเลติก “มีเจ้าหน้าที่แพทย์อยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สามารถให้ข้อมูลที่ถูกต้องได้”
“ผมดูเกมอยู่ชั้นบนและเหลือเวลาอีก 5 นาที พวกเขา (เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของ เวสต์บรอมวิช) บอกผมว่าไม่สามารถอยู่ตรงนี้ได้ ดังนั้นผมจึงลงไปที่ห้องแต่งตัว จากนั้นเมื่อผู้ตัดสินเป่าจบเกม ผมก็ไปหาโค้ชก่อนที่ทีมจะกลับ”
“ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไร แต่ผมอาบน้ำไปแล้วช่วงพักครึ่ง ผมอาบน้ำข้างบน ผมไม่แฮปปี้เลย แน่นอนกับเกมที่ดำเนินไปและทุกๆอย่าง แต่ผมไม่ได้มีเจตนาจะทำอย่างนั้น”
“ผมคุยกับเพื่อนร่วมทีมหลังจากนั้น (เพื่อเช็ก) ว่ามีใครรู้สึกขุ่นเคืองหรือเปล่า แต่ทุกคนโอเค, ผมออกจากทีมมาระยะหนึ่งแต่ผมก็กลับมา เชลซี คือสโมสรสำคัญที่สุดในอาชีพของผม”
“ผมต้องการที่จะตอบแทนทุกอย่างกับโอกาสที่พวกเขามอบให้ นั่นคือเป้าหมายเดียวของผม มันมีทั้งช่วงเวลาที่ดีและช่วงเวลาที่แย่ ผู้จัดการทีมเข้ามาและออกไป สัญญาของผมกับ เชลซี และผมรับใช้สโมสร”