ริโอ เฟอร์ดินานด์, โจ โคล และ สตีฟ แม็คมานานมาน 3 นักวิเคราะห์ บีที สปอร์ต บ่นเสียดายแทน เชลซี ที่ตกรอบชปล.ทั้งที่ฟอร์มเทพในนัดสอง รอบก่อนฯ เยือน เรอัล มาดริด ก็คงต้องเขกกะโหลกตัวเองเรื่องขาดสมาธิเล่นป้องกัน รวมถึงกรรมเก่าตอนพ่าย ณ สแตมฟอร์ด บริดจ์ 1-3
ทีมของเฮดโค้ช โธมัส ทูเคิ่ล ฟอร์มเทพมากอัด มาดริด ที่ เบร์นาเบว ก่อนสามประตู ทว่าขาดสมาธิโดนตีไข่แตกไม่จากนั้น 3-1 ส่งผลให้ประตูรวมสองนัด 4-4 ลากเกมถึงต่อเวลาพิเศษ แล้วถูกความผิดพลาดเกมป้องกันจนเสียอีกเม็ด สู่ขิตในบั้นปลาย 4-5
นั่นทำให้ เฟอร์ดินานด์ ตบหน้าขาเจ็บใจแทน ‘สิงห์บลูส์’ เพราะอุตส่าห์สร้างคำคืนอันน่าจดจำบนเวทีชปล. แต่กลายเป็นพระเอกตายตอนจบ
“ทีม เชลซี คงเจ็บปวดมาก-สะเทือนใจอย่างที่สุดเมื่อผลลัพธ์ออกมาแบบนั้น” อดีตแชมป์ยุโรป 2008 เปิดปากก่อน
ด้าน โคล ศิษย์เก่า เชลซี ก็เห็นใจรุ่นน้องเพราะทำได้ดีมากๆตลอด 90 นาทีครองเกมกดดันใส่มหาอำนาจลา ลีกาสเปน
“เชลซี น่าจะเขกกะโหลกตัวเอง พวกเขาสมควรชนะเกม-ผมรู้ความรู้สึกแบบนั้นเป็นอย่างดีเช่นกัน”
“เมื่อคุณเป็นฝ่ายที่เล่นดีกว่าแต่โดนเขี่ยตกรอบน็อคเอาต์ ดังนั้นเกมรอบรอง เอฟเอ คัพ ในวันอาทิตย์ (พบ คริสตัล พาเลซ) ยิ่งทวีความสำคัญขึ้นอีกเวลานี้”
“‘สิงห์บลูส์’ ขย่มใส่คู่แข่ง, เพรสซิ่งก็ดี แต่ ริโอ พูดถูก มันมีรายละเอียดปลีกย่อยในเกม, แท็คติกผิดพลาด, วินิซิอุส Jr. สร้างโอกาสเพื่อเป็นผู้ชนะมันบ้าบอมาก”
ปิดท้ายความเห็นของ ‘แม็คก้า’ ศิษย์เก่า มาดริด บอกว่า เชลซี พลาดเองกับ 45 นาทีแรกที่ตามหลัง 0-2 เพราะผลงานแย่สุดยุค ทูเคิ่ล
“ก็ใช้กรรมเก่าจาก 45 นาทีที่แย่สุดในยุค ทูเคิ่ล ในครึ่งแรกนัดก่อน”
ผลงานของ เชลซี ที่ซานติอาโก เบร์นาเบว มีหลายเกร็ดน่าสนใจอย่าง เมสัน เมาท์ ที่ซัดเบิกร่องคือนักเตะอังกฤษคนที่3 เท่านั้นซึ่งพังตาข่ายฐานะทีมเยือนต่อจาก อลัน สมิธ ปี 2001 และ แดนนี่ เวลเบ็ค ปี 2013