ข้อมูลข่าวสารทีมเชลซี
วิลเลี่ยนได้ออกมาระบายว่าตัวเองผิดหวังหลังเกมส์ที่ เชลซีพบเวสต์แฮม “เป็นเรื่องที่น่าผิดหวังมาก ๆ” วิลเลี่ยนเผย “แผนของเราคือคว้าชัยในแมตช์นี้ และเราก็มาพลาดโอกาสขึ้นที่สาม อย่างน้อยเรายังมีเกมลุ้นชนะที่บ้านในวันเสาร์นี้ นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาบ่นเสียดายมากนัก เราต้องชนะในวันเสาร์” “เราต้องลงเล่นทุกเกมให้เหมือนเป็นเกมนัดชิงชนะเลิศ และต่อสู้เพื่อโควต้าแชมเปี้ยนส์ลีก” “พวกเราสมควรจบอันดับท็อปโฟร์ บางครั้งเราก็มีผลงานทั้งขึ้นและลง แต่ผมคิดว่าเราสมควรจะอยู่ในจุดนั้น และเราต้องรักษาตำแหน่งนี้ให้ได้”
แกรี เนวิลล์ กูรูฟุตบอลอังกฤษชื่อดัง ออกมาจวก มาร์กอส อลอนโซ แบ็กซ้ายชาวสเปนของ เชลซี ว่าเสียตำแหน่งจนมีส่วนทำให้ทีมเสียประตูที่ 3 ในเกมที่บุกพ่าย เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-3 ในศึก ลอนดอน ดาร์บีแมตช์ เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ผ่านทาง สกาย สปอร์ตส์ แกรี เนวิลล์ ออกมากล่าวหลังจบเกมนี้พร้อมเจาะจงไปที่ มาร์กอส อลอนโซ เขามองว่ามีส่วนผิดพลาดกับจังหวะเสียประตูที่ 3 เนื่องจากขึ้นไปเติมเกมรุกแล้วลงมาไม่ทัน ” อลอนโซกำลังทำอะไรอยู่ในจังหวะนั้น? “นั่นมันคือความเร็วในการวิ่งกลับมาประจำตำแหน่งของตัวเองเหรอ จังหวะดังกล่าวมันเสียหายถึงขั้นเสียประตู รวมถึงการป้องกันที่ย่ำแย่ของ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ด้วย แต่สำหรับ มาร์กอส อลอนโซ เขาผิดพลาดกว่ามาก” “ตอนจังหวะที่จะโดนสวนกลับเขาอยู่ในระดับเดียวกันกับ อันเดรย์ ยาร์โมเลนโก และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้กระตือรือร้นที่จะวิ่งลงมายังตำแหน่งของตัวเองมากเท่าที่ควร เขาวิ่งอย่างเนิบๆ ช้าๆ จนถูกคู่แข่งโจมตีไปยังที่ว่างนั้น” “ผมเคยพูดถึงจังหวะแบบนี้ในก่อนหน้านั้นเกี่ยวกับการลงมายังตำแหน่งของเขา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมตอนนี้เขาเจอกับความกดดันที่สโมสรจนมีข่าวอาจถูกขายออกจากทีม แฟรงค์ แลมพาร์ด น่าจะเห็นแบบเดียวกับผมว่าเขาควรวิ่งกลับมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เมื่อทีมของคุณเสียบอล แต่เขากลับทำเหมือนเด็กอายุ 6 ขวบในจังหวะนั้น”
แอชลีย์ โคล อดีตแบ็กซ้ายของเชลซีออกมาวิจารณ์ มาร์กอส อลอนโซ หลังก่อความผิดพลาดในเกมแพ้ให้เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-3 เมื่อคืนที่ผ่านม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ได้ 3 ประตูจาก โทมัส ซูเซ็ค นาทีที่ 45+2, มิคาอิล อันโตนิโอ นาทีที่ 51 และ อันเดรย์ ยาร์โมเลนโก นาทีที่ 89 ขณะที่เชลซี ได้ 2 ประตูจาก วิลเลียน ในนาทีที่ 42 และนาทีที่ 72 ในเกมการแข่งขัน โคล ออกมาเผยว่า “พวกเขาจะต้องผิดหวัง สิ่งที่ผมเกลียดเกี่ยวกับผู้เล่นในตำแหน่งฟลูแบ็กที่ชอบเติมเกมบุก แต่ไม่ค่อยกลับมายังตำแหน่งของตัวเอง ผมเข้าใจนะว่าเขาหวังที่จะช่วยทีมให้ได้ประตู แต่คุณต้องไม่ลืมตำแหน่งของตัวเอง และการเสมอ พร้อมกลับการเก็บหนึ่งคะแนนกลับออกมา ก็ถือว่าเป็นผลการแข่งขันที่ไม่น่าเกลียดนักกับเกมในนัดนี้ แต่ผมยังคาใจว่าเขาควรวิ่งกลับมาประจำตำแหน่งได้เร็วกว่านี้มั้ย? ในสถานการณ์ตอนนั้นเขาควรทำยังไงก็ได้ให้วิ่งกลับไปยังตำแหน่งเดิมให้เร็วที่สุด แต่เขาดูเหมือนจะไม่สนใจเลย เขาวิ่งอย่างช้าๆ ปล่อยให้คู่แข่งฉีกแนวรับไปเป็นชิ้นๆ”
เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ถูกจับยืนในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับตั้งแต่เชลซีกลับมาแข่ง โดย แฟร็ค์ง แลมพาร์ด ถูกถามให้เปรียบเทียบบทบาทของมิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสกับ โคล้ด มาเกเลเล่ อดีตเพื่อนร่วมทีมของเขา “ตำแหน่งที่ผมให้ก็องเต้ลงทำหน้าที่มีความแตกต่างกับที่มาเกเลเล่เคยเล่น ด้วยยุคสมัยและนักเตะในทีมที่เปลี่ยนไป สำหรับก็องเต ผมมีแนวทางที่ต้องการให้พวกเราทำงานในแผงมิดฟิลด์และมีความไหลลื่นกับทีม ซึ่งมันทำให้ก็องเตดึงศักยภาพที่ดีที่สุดของเขากับเกมได้ สิ่งดังกล่าวไม่ใช่การคอยยืนหน้าแผงกองหลังเสมอไป” “เขาเป็นคนที่อึดมากในการวิ่งซึ่งต้องใช้พลัง คุณต้องการให้เขาทำแบบนั้นซึ่งบางครั้งเขาจะวิ่งขึ้นสูงและกองกลางคนอื่นก็ต้องตอบสนองกับสิ่งดังกล่าว เขาทำได้ดีเลย เราสามารถพัฒนากันเป็นทีมได้เมื่อทุกคนได้ซ้อมร่วมกันมากขึ้น คุณสมบัติและคุณภาพของเอ็นโกโล่หมายความว่าเขาสามารถลงเล่นในทุก ๆ ตำแหน่งตามที่คุณต้องการ” “เขาเป็นยอดนักเตะและเป็นผู้เล่นคนสำคัญของสโมสร เขาจะเป็นแบบนั้นให้กับทีมไปอีกยาวนาน ผมแฮปปี้กับเขานะ ไม่ใช่แค่ก็องเต แต่เกี่ยวกับนักเตะคนอื่น ๆ ในทีมด้วย เรามีการแข่งขันแย่งตำแหน่งสูงมากในตำแหน่งมิดฟิลด์ ณ เวลานี้เอ็นโกโล่ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมให้กับพวกเราในตำแหน่งนั้น”
ผ่านการแข่งขันไปแล้ว 3 นัด จากกลับมาเตะอีกครั้งหลังเกิดระบาดโควิด-19 แลมพาร์ด ได้พูดถึงผลงานของทีม “ผมมีความสุขในการเก็บชัยชนะและองค์การเล่นเกมที่เราลงเล่นโดยเฉพาะในสองนัดแรก เราต้องเฝ้าทำงานในลักษณะเดียวกัน เราต้องมุ่งมั่นในทุก ๆ ตำแหน่งของการเล่นโดยเฉพาะด้านเกมรับและวินัยในการทำงาน” “มันเป็นการผสมระหว่างการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ และช่วงปรีซีซั่นซึ่งมีระยะเวลาน้อยมาก นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ ผมรู้จากการที่เคยเป็นนักเตะด้วยตัวเองว่าช่วง 1-2 เกมแรกของปรีซีซั่น คุณจะเริ่มรู้สึกจับทางได้ ความเฉียบคมอาจจะยังไม่มีและบางครั้งนักเตะก็ต้องใช้เวลาในการปรับตัวเข้ากับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่วนนั้นของการแข่งขัน” “เราต้องมุ่งมั่นกับเรื่องในอนาคตไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต เรามีสัปดาห์ที่ดีแต่ยังต้องทำงานกันอีกเยอะ”
การให้สัมภาษณ์ในงานแถลงข่าวก่อนเกมส์การแข่งขัน ลอนดอน ดาร์บี้กับเวสต์ แฮมคืนนี้ แลมพาร์ด เผยว่าการเตรียมพร้อมสำหรับนักเตะใหม่ทั้งสองรายคือ ตีมอร์ แวเนอร์ และ ฮาคิม ซิเย็ค การเตรียมพร้อมสำหรับฤดูกาลหน้า เพราะพวกเขาจะไม่สามารถมีส่วนร่วมจนกว่าซีซั่น 2019/20 จะจบลง เป้าหมายคือการทำให้ทั้งคู่มีความฟิตเมื่อสามารถมีส่วนร่วมกับทีมในสนาม ซึ่ง แลมพาร์ด บรรยายแผนการใดังกล่าว “ผมกำลังจัดทำแผนอยู่เลยครับ” เขาเปิดเผยกับนักข่าวผ่านวิดีโอคอลล์ทาง Zoom “พวกเขาทั้งคู่อยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างกันด้วยความจริงที่ว่า ฮาคิม ไม่ได้ลงสนามมาอย่างยาวนานเพราะสถานการณ์ของลีกดัตช์ (ถูกตัดจบและประกาศเป็นโมฆะตั้งแต่เดือนเมษายน) และแน่นอนสำหรับ แวเนอร์ ลีกเพิ่งจบไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา” “เราจะจัดทำแผนให้พวกเขาซึ่งจะมีความแตกต่างกันอยู่นิดหน่อย ขณะเดียวกันเดี๋ยวผมจะตัดสินใจว่าสนามซ้อมของเราจะเป็นอย่างไรทั้งในแง่ของการผสมผสานเข้ากับขุมกำลัง หรืออาจจะเป็นการซ้อมที่เน้นเรื่องสภาพร่างกายในช่วงเวลาสั้น ๆ”
เชลซี เปิดตัวชุดแข่งเหย้าตัวใหม่ของฤดูกาล 2020/21 ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะใส่ประเดิมสนามในคืนนี้ เชลซี เป็นทีมแรกในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ที่เปิดตัวชุดแข่งใหม่สำหรับฤดูกาลหน้า โดยชุดแข่งตัวใหม่ของพวกเขามาในสีเสื้อและกางเกงสีน้ำเงินกับถุงเท้าสีขาว ในลวดลายรูปแฉกแนวขนานซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากการตัดเย็บสุดประณีตจากย่านสูทชื่อดังของลอนดอน แขนเสื้อถูกเย็บติดด้วยสีน้ำเงินเข้ม พร้อมตัวอักษรย่อ ‘CFC’ พร้อมใส่ลวดลายสีน้ำเงินเข้มบริเวณด้านข้าง และมีวลี ‘The Pride of London’ นอกจากนี้ ฤดูกาล 2020/21 จะเป็นฤดูกาลแรกที่ เชลซี จับมือร่วมกับ Three บริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคม ซึ่งเข้ามาเป็นสปอนเซอร์ใหม่บนชุดแข่งของพวกเขาแทนที่ของ Yokohama Tyres โดยจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ ทั้งนี้ เชลซี จะสวมชุดเหย้าตัวใหม่ล่าสุดของพวกเขาลงสนามในเกมบุกไปเยือนเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในเกมพรีเมียร์ลีกคืนนี้เวลา 02.15 น.
แฟรงค์ แลมพาร์ด ออกมายืนยันไม่สนคว้า อังเคล โกเมส เด็กปั้นของปิศาจแดงมาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ ตามที่เป็นข่าวลืออย่างแน่นอน วันที่ 1 ก.ค.63 อังเคล โกเมส กำลังจะกลายเป็นนักเตะฟรีเอเย่นต์หลังจบฤดูกาล เนื่องจากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในสัญญาฉบับใหม่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ ทำให้เจ้าตัวตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับหลายทีมดังทั้ง ยูเวนตุส, ทอตแนม ฮอตสเปอร์ และเชลซี แต่ล่าสุด แฟรงค์ แลมพาร์ด ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว และไม่สนใจที่จะดึงตัวดาวรุ่งวัย 19 ปี มาปลุกปั้นต่อในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ อย่างแน่นอน “ไม่, ผมสามารถอธิบายรายละเอียดได้ว่า ผมไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน และนั่นคือทั้งหมดที่อยากจะบอก”
โจ โคล มองว่าเชลซีอาจประหยัดเงินได้ถึง 400 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนพัฒนาเหล่าผู้เล่นเยาวชนจากผลผลิตอคาเดมี่สโมสร ตามการรายงานของ Goal อดีตกองกลางเชลซีมีข้อมูลเบื้องลึกเบื้องหลังจากการทำงานในทีมอคาเดมี่ของสโมสร ในฐานะโค้ช เมื่อช่วงไม่นานมานี้ และเขาก็รู้สึกว่าสโมสรนั้นเดินมาได้ถูกทาง หลังการเข้ามาของแฟรงค์ แลมพาร์ด ที่ให้โอกาสแข้งเยาวชนอยู่ในแผนการทำทีมของตัวเอง “แฟรงค์เข้ามา เขาเป็นตำนานของสโมสร บางทีอาจจะเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ได้ลงสนามให้สโมสร” โคล เผยกับ BT Sport “แฟน ๆ รักในตัวเขา ทุก ๆ คนรักในตัวเขา และเขาก็มีวิธีการที่ดีในตอบคำถามสื่อด้วย” “หลักความคิดของสโมสรเชลซีเปลี่ยนไปทันที มีการให้โอกาสเหล่าดาวรุ่งมากพรสวรรค์ มีการดึงตัวนักเตะที่ดีที่สุดอย่างที่เราได้เห็นช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเข้ามาร่วมทีม” “นักเตะอย่างบิลลี่ กิลมอร์, รีซ เจมส์, เมสัน เมาท์, แทมมี่ อับราฮัม – ทันใดนั้นเราจะได้พรสวรรค์ราคาราว ๆ 300-400 ล้านปอนด์ หากคุณลองนำมารวมกันกับมูลค่าที่ควรจะเป็นในอีกไม่กี่ปีหลังจากนี้”
จากการเปิดเผยของ Daily Mail เอร์นาน เครสโป อดีตกองหน้าเชลซี เชื่อมั่นว่าสตาร์ดาวรุ่งของเชลซี จะเฉิดฉายภายใต้การนำของ แฟรงค์ แลมพาร์ด “หลังเคยลงเล่นเคียงข้างกับ แลมพาร์ด ในนามสิงห์บลูส์ อดีตหัวหอกที่ปัจจุบันอายุ 44 ปีมั่นใจว่าเรามีโค้ชที่เหมาะสมในการนำพาสโมสรไปข้างหน้า” “ตอนนี้ แฟรงกี้ เป็นผู้จัดการทีมเชลซี – ผมคิดว่ามันงดงามมาก’ เขากล่าว ‘เชลซี มีส่วนผสมที่ยอดเยี่ยมระหว่างนักเตะมากประสบการณ์และผู้เล่นดาวรุ่ง ผมคิดว่าพวกเขาเริ่มสร้างบางอย่างขึ้นมาซึ่งแตกต่างจากเมื่อก่อน” “พวกเขาทุ่มเงินหนักมากในการสร้างดาวรุ่งภายในทีมอคาเดมี่ซึ่งตอนนี้พวกเขาเหล่านั้นกำลังได้โอกาสลงสนาม ผมคิดว่ามันคือวิสัยทัศน์ของสโมสรในเวลานี้ – การพยายามใช้นักเตะอายุน้อยใน 11 ตัวจริง” “จอห์น เทอร์รี่ แสดงความเป็นผู้นำที่วิเศษในห้องแต่งตัวเหมือนกับ แฟรงค์ ทั้งคู่ต่างเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ผมไม่แปลกใจเลยที่ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ผันตัวมาทำงานด้านการโค้ช”