ชุมชนคนรักสิงโตคำราม

ไทริ้ค มิทเชลล์ แบ็กซ้าย คริสตัล พาเลซ มีความเป็นไปได้สูงที่จะฟิตกลับมาลงสนามช่วยทีมนัดสำคัญรอบรองฯ เอฟเอ คัพ พบ เชลซี อาทิตย์นี้ (17 เม.ย.) รายงานจาก ‘ซัน สปอร์ต’ ว่าเดิมที พาเลซ กังวลว่ากองหลังดีกรีทีมชาติอังกฤษอาจเจ็บหนักจากเกมพ่าย เลสเตอร์ 1-2 เมื่อวันอาทิตย์เพราะปัญหาเจ็บน่อง   อย่างไรก็ตามเฮดโค้ช ปาทริค วิเอร่า พอจะมีข่าวดีเมื่อ มิทเชลล์ ซ้อมเบาๆได้แล้วเมื่อกลางสัปดาห์เพราะเข้ากระบวนการประคบประหงมจากทีมแพทย์ ซึ่งเวลาอีก 72 ชั่วโมงก่อนดวล ‘สิงห์บลูส์’ ที่เวมบลี่ย์ ก็เชื่อว่าความฟิตคงดีขึ้นตามลำดับเพื่อลงเตะ  แข้งวัย 22 ปีกลายเป็นตัวหลังของ ‘ดิ อีเกิ้ลส์’ ฤดูกาลนี้ลงตัวจริงเกมลีกทุกนัด โดยพลาดเตะเพียง 8 นาทีจากที่ควรเป็นในฤดูกาลนี้ โดยถูกเปลี่ยนออกเกมพบ สเปอร์ส เมื่อบ็อกซิ่ง เดย์ และ เดี้ยงเกมกับ เลสเตอร์ ล่าสุด 

จอร์จินโญ่ กองกลาง เชลซี ตกเป็นข่าวว่าอาจได้ย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังไม่มีความคืบหน้าเรื่องสัญญาฉบับใหม่ ดาวเตะทีมชาติอิตาลีวัย 30 ปี ถูกส่งลงสนามในนาทีที่ 106 แทนที่ มาเตโอ โควาซิช แต่ก็แทบไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไรได้เลยในเกมกับ เรอัล มาดริด ที่ตกรอบฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา จอร์จินโญ่ อยู่ในจุดที่แปลกของอาชีพ หลังทะยานไปอยู่ในจุดสูงสุดของปี 2021 เมื่อคว้าแชมป์ยูโร 2020 กับทีมชาติอิตาลี และคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก กับ เชลซี แถมยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลบัลลงดอร์อีก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะถูก สิงห์บลูส์ ขายในช่วงซัมเมอร์ สัญญาของดาวเตะทีมชาติอิตาลีจะหมดลงในปี 2023 ดังนั้นหาก สิงห์บลูส์ ไม่ต่อสัญญาใหม่ พวกเขาก็จะต้องขายเขาในซัมเมอร์นี้หากต้องการค่าตัวที่เหมาะสม และเมื่อเร็วๆ นี้เอเยนต์ของเขาก็ได้บอกใบ้ถึงความเป็นไปได้ที่นักเตะจะกลับไปยังเซเรีย อา หากไม่ได้รับสัญญาใหม่จาก เชลซี เมื่อ 12 เดือนที่แล้ว จอร์จินโญ่ ยังประสบความสำเร็จอย่างสูงในฟุตบอลยุโรปกับ เชลซี อยู่เลย แต่ตอนนี้เขากำลังเสี่ยงที่จะไม่ได้ลงเล่นเกมยุโรปให้กับ สิงห์บลูส์ อีกต่อไปแล้ว

ริโอ เฟอร์ดินานด์, โจ โคล และ สตีฟ แม็คมานานมาน 3 นักวิเคราะห์ บีที สปอร์ต บ่นเสียดายแทน เชลซี ที่ตกรอบชปล.ทั้งที่ฟอร์มเทพในนัดสอง รอบก่อนฯ เยือน เรอัล มาดริด ก็คงต้องเขกกะโหลกตัวเองเรื่องขาดสมาธิเล่นป้องกัน รวมถึงกรรมเก่าตอนพ่าย ณ สแตมฟอร์ด บริดจ์ 1-3 ทีมของเฮดโค้ช โธมัส ทูเคิ่ล ฟอร์มเทพมากอัด มาดริด ที่ เบร์นาเบว ก่อนสามประตู ทว่าขาดสมาธิโดนตีไข่แตกไม่จากนั้น 3-1 ส่งผลให้ประตูรวมสองนัด 4-4 ลากเกมถึงต่อเวลาพิเศษ แล้วถูกความผิดพลาดเกมป้องกันจนเสียอีกเม็ด สู่ขิตในบั้นปลาย 4-5   นั่นทำให้ เฟอร์ดินานด์ ตบหน้าขาเจ็บใจแทน ‘สิงห์บลูส์’ เพราะอุตส่าห์สร้างคำคืนอันน่าจดจำบนเวทีชปล. แต่กลายเป็นพระเอกตายตอนจบ  “ทีม เชลซี คงเจ็บปวดมาก-สะเทือนใจอย่างที่สุดเมื่อผลลัพธ์ออกมาแบบนั้น” อดีตแชมป์ยุโรป 2008 เปิดปากก่อน  ด้าน โคล ศิษย์เก่า เชลซี ก็เห็นใจรุ่นน้องเพราะทำได้ดีมากๆตลอด 90 นาทีครองเกมกดดันใส่มหาอำนาจลา ลีกาสเปน  “เชลซี น่าจะเขกกะโหลกตัวเอง พวกเขาสมควรชนะเกม-ผมรู้ความรู้สึกแบบนั้นเป็นอย่างดีเช่นกัน”  “เมื่อคุณเป็นฝ่ายที่เล่นดีกว่าแต่โดนเขี่ยตกรอบน็อคเอาต์ ดังนั้นเกมรอบรอง เอฟเอ คัพ ในวันอาทิตย์ (พบ คริสตัล พาเลซ) ยิ่งทวีความสำคัญขึ้นอีกเวลานี้” “‘สิงห์บลูส์’ ขย่มใส่คู่แข่ง, เพรสซิ่งก็ดี แต่ ริโอ พูดถูก มันมีรายละเอียดปลีกย่อยในเกม, แท็คติกผิดพลาด, วินิซิอุส Jr. สร้างโอกาสเพื่อเป็นผู้ชนะมันบ้าบอมาก”  ปิดท้ายความเห็นของ ‘แม็คก้า’ ศิษย์เก่า มาดริด บอกว่า เชลซี พลาดเองกับ 45 นาทีแรกที่ตามหลัง 0-2 เพราะผลงานแย่สุดยุค ทูเคิ่ล “ก็ใช้กรรมเก่าจาก 45 นาทีที่แย่สุดในยุค ทูเคิ่ล ในครึ่งแรกนัดก่อน”  ผลงานของ เชลซี ที่ซานติอาโก เบร์นาเบว มีหลายเกร็ดน่าสนใจอย่าง เมสัน เมาท์ ที่ซัดเบิกร่องคือนักเตะอังกฤษคนที่3 เท่านั้นซึ่งพังตาข่ายฐานะทีมเยือนต่อจาก อลัน สมิธ ปี 2001 และ แดนนี่ เวลเบ็ค ปี 2013 

โธมัส ทูเคิ่ล พอใจผลงานลูกทีม เชลซี เกมปราบ เรอัล มาดริด 3-2 เมื่อครบ 120 นาทีแม้ท้ายสุดตกรอบก่อนรองฯชปล.ด้วยประตูรวม 4-5 แต่ที่เจ็บปวดกว่าคือการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน ซีม่อน มาร์ซีเนียค จากโปแลนด์ที่ดูนกหวีดหวานแก่เจ้าถิ่น ทูเคิ่ล กล่าวหลังเกมที่ ซานติอาโก เบร์นาเบว ว่าทางหนึ่งชื่นชมลูกทีมที่เล่นอย่างกล้าหาญ เพียงแค่ติดใจการเป่าของเชิ้ตดำรายนี้ทั้งจังหวะริบบอลเข้าประตูสำคัญของ มาร์กอส อลอนโซ่ ในครึ่งหลังแบบไม่ออกไปรีเช็ควีเออาร์ข้างสนามด้วยตนเอง แต่เชื่อคำท้วงติงจากเจ้าหน้าที่ควบคุม   อีกเหตุการณ์ที่รับไม่ได้คือหลังจบ 120 นาทีที่เปา มาร์ซีเนียค หัวเราะหยอกเอินกับ คาร์โล อันเชล็อตติ เทรนเนอร์‘ราชันชุดขาว’ “ผมไม่ได้เห็นจังหวะประตู แต่แจ้งผู้ตัดสินว่าผิดหวังสุดๆที่เขาไม่ไปรีเช็คด้วยตัวเอง”การเปิดปากกับ ‘บีที สปอร์ต’ “ในเกมแบบนี้ซึ่งคุณสามารถขีดเส้นล้ำหน้าอย่างชัดเจนในการเป่า คุณควรจะเป็นคนกำกับเอง ต้องไม่มอบการตัดสินใจแบบนี้ให้กับคนอื่นที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ และถูกแยกออกจากสภาพแวดล้อมและรูปแบบที่ชัดเจนของผู้ตัดสิน” “เขาควรจะทำหน้าที่และตรวจสอบด้วยตัวเอง จากนั้นเขาคงจะอธิบายได้ดีขึ้น แต่นั่นมันก็แค่ความคิดเห็นของผม”  “ทั้งยังไม่พอใจที่เห็นผู้ตัดสินไปใช้เวลาดีๆร่วมกับเพื่อนร่วมอาชีพของผมอย่าง คาร์โล อันเชล็อตติ” “ก็ทราบว่า อันเชล็อตติ เป็นสุภาพบุรุษ เป็นคนนิสัยดีของวงการ แต่เมื่อผมต้องการไปกล่าวขอบคุณหลังจบแมตช์ ก็เห็นผู้ตัดสินคนดังกล่าวหัวเราะ, ยิ้มแย้ม และขำร่วนกับโค้ชคู่แข่ง”  “มองว่าผิดกาลเทศะมากๆ หลังสิ้นเสียงนกหวีดที่เกมลากมากว่า 126 นาที แล้วมีทีมหนึ่งสู้ขาดใจ ฮึดจนหยดสุดท้ายแล้วคุณฐานะโค้ชต้องเห็นผู้ตัดสินยิ้มและหัวเราะร่วมกับกุนซือคู่แข่ง”  “ผมเห็นว่าผิดเวลาเหลือเกิน ก็บอกแกไปแบบนั้นเช่นกัน”  ผู้ตัดสินวัย 41 ปีถือเป็นจอมแจกใบเหลือง ซีซั่นนี้เป่าชปล.รวม 7นัด มีใบเหลืองเกิดถึง 24 ครั้ง

อันโตนิโอ รือดิเกอร์ กองหลัง เชลซี แอบเสียดายที่ทีมตกรอบก่อนรองฯ ชปล.ให้ เรอัล มาดริด ทั้งที่สามารถคว้าชัยถึงซานติอาโก เบร์นาเบว ทว่าเพราะเป็นการแข่งแบบรวมผลสองนัด แล้วเลกแรกฐานะทีมเหย้าผลการแข่งขันขี้เหร่ ส่งผลต้องหยุดเส้นทางด้วยประตูรวม 4-5 ‘สิงห์บลูส์’ แพ้คารังสแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อสัปดาห์ก่อน 1-3 ดังนั้นจึงต้องสร้างปาฏิหารย์ฐานะทีมเยือนเท่านั้น แล้วเกือบทำได้เมื่อขึ้นนำก่อน 3 ประตู ทว่าไม่สามารถรักษาคลีนชีตสำเร็จจึงจบเวลา 90 นาทีที่ผล 3-1 รวมสกอร์สองนัดเสมอ 4-4 ลากการแข่งขันถึงต่อเวลาพิเศษ   แล้วกลายเป็นทีเด็ดของ คาริม เบนเซม่า โขกประตู 3-2 ของเกม แล้วรักษาผลการแข่งขันจน ‘ราชันชุดขาว’ สามารถเผด็จศึก 5-4  แน่นอนมันทำให้แข้งดอยช์ผิดหวังไม่น้อย แต่ก็ต้องทำใจเพราะเลกแรกแย่เอง  “เรื่องดีที่เห็นคือเราไม่ยอมแพ้” การเปิดปากกับ ‘บีที สปอร์ต’ “มีไม่กี่ทีมมาเล่นที่นี่แล้วครองเกมกดเข้าใส่เจ้าถิ่นแบบที่เราทำได้ แต่เพราะบอลมันเล่น 2 นัด หากคุณทำผิดพลาดแบบที่เราก่อมา ก็จะโดนลงโทษ”  “แผนที่วางมาคือมองหาผู้เล่นตำแหน่งเบอร์#10 ของเรา, หาพื้นที่ว่าง และหาประตูแรกให้เจอ เราไม่ล่ก ส่วนครึ่งหลังเราก็ทำในสิ่งที่ต้องทำเกือบสำเร็จ แต่เพราะบอลมันเตะสองเลกอย่างที่เรียนไป – หากพลาดมาแบบนั้นก็เสร็จ”  “สำหรับเราเกมนี้มันคือไม่อยู่ก็ตายไปข้าง”  “ผมคิดเองก่อนเกมว่าคงไม่ใช่ทุกคนจะเชื่อว่าเราสามารถขึ้นนำ มาดริด ถึง เบร์นาเบว 3-0 – สำหรับคู่แข่งระดับความสามารถเฉพาะตัวของของ ลูก้า โมดริช และ คาริม เบนเซม่า จุดประกายแก่ทีม”  เชลซี คือทีมอังกฤษลำดับสองต่อจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ปี 1968 ที่ยิง มาดริด ได้ถึงถิ่น 3 ประตู โดยหนก่อนเกมจบที่ผล3-3

ลูก้า โมดริช กองกลางตัวเก่งของ เรอัล มาดริด คุยโวทีมเข้ารอบตัดเชือกแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้หวุดหวิดเพราะไม่ยอมแพ้ หลังต่อเวลาผ่าน เชลซี แบบใจหายใจคว่ำ “ราชันชุดขาว” ที่ชนะนัดแรก 3-1 เกือบตกรอบคาบ้านหลัง เชลซี ออกนำ 3-0 ทว่ามาได้ประตูตีไข่แตกจาก โรดริโก้ ทำให้ต้องไปสู้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ และเป็น คาริม เบนเซม่า โหม่งประตูสำคัญให้ทีมเข้ารอบประตูรวมสองนัด 5-4  โมดริช ที่เป็นคนเปิดบอลสุดสมบูรณ์แบบให้ โรดริโก้ ยิงประตูกล่าวว่า “เราไม่ยอมแพ้ เรายังคงเชื่อมั่น เราสู้ไม่ถอย และในท้ายที่สุด เราก็ยิงได้สองประตู” “ผมทุ่มเทอย่างเต็มที่ในสนามเพื่อตอบแทนสิ่งที่มาดริดริสต้าแสดงต่อผม และตอนนี้สิ่งสำคัญก็คือเราผ่านเข้ารอบตัดเชือกได้แล้ว” นอกจากนี้ กองกลางวัย 36 ปี ยังได้กล่าวผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า “การยอมแพ้ไม่ได้เป็นตัวเลือก” 

โธมัส ทูเคิ่ล ผู้จัดการทีม เชลซี เสียดายทีมพลาดโอกาสเข้ารอบตัดเชือก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะทำเต็มที่แล้ว แต่ขาดโชค และมีความผิดพลาด เชลซี ที่แพ้ต่อ เรอัล มาดริด คาบ้าน 1-3 ในเกมแรก เกือบพลิกนรกเข้ารอบได้หลังออกนำถึง 3-0 ในนัดสอง ทว่ามาโดนราชันชุดขาวตีไข่แตกเป็น 3-1 ทำให้ต้องต่อเวลา ก่อนเป็น คาริม เบนเซม่า ยิงประตูตัดสินให้ทีมดังสเปนเข้ารอบด้วยประตูรวม 5-4  ทูเคิ่ล กล่าวหลังเกมว่า “เราโชคร้าย ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องผิดหวัง เราสมควรได้เข้ารอบหลังจบเกมนี้ แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น เราต้องลดความผิดพลาดของเราให้ได้” “มันไม่มีอะไรต้องเสียใจ มันเป็นความพ่ายแพ้ที่คุณต้องรับเอาไว้อย่างภาคภูมิใจในฐานะนักกีฬา เราแสดงให้เห็นถึงคุณภาพและคาแรกเตอร์ที่ทีมนี้มีและสมควรได้ผ่านเข้ารอบ เราเพียงโชคไม่ดี” “เราเล่นกันได้ตามแผนที่ต่างไปจากเกมกับ เบรนท์ฟอร์ด และเกมแรกกับ เรอัล มาดริด มันสำคัญที่เราเล่นกันได้ตามแท็กติก และฟอร์มที่วางแผนเอาไว้ เราทำได้อย่างเต็มที่แล้วในวันนี้”

มาเตโอ โควาชิช มิดฟิลด์ เชลซี เตรียมลงเผชิญหน้ากับ ลูก้า โมดริช ของ เรอัล มาดริด ซึ่งแข้งชาวโครแอตยกย่องรุ่นพี่ร่วมชาติว่าเป็นนักเตะที่น่าทึ่งและรับมือยาก มาเตโอ โควาชิช มิดฟิลด์ชาวโครแอตของ เชลซี ชื่นชม ลูก้า โมดริช ของประสบการณ์ของ เรอัล มาดริด เป็นผู้เล่นที่น่าทึ่งและค่อนข้างยากในการหยุดเพื่อนร่วมชาติของเขา ตามรายงานจากมาร์ก้าเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โควาชิช วัย 27 ปีเริ่มต้นค้าแข้งกับ ดินาโม ซาเกร็บ เหมือนกับ โมดริช วัย 36 ปี ก่อนทั้งคู่จะมีโอกาสเล่นร่วมกันในทีมชาติโครเอเชีย และ เรอัล มาดริด ในช่วงปี 2015-2019 ก่อน โควาชิช จะย้ายมาอยู่กับ เชลซี จนถึงปัจจุบัน  ‘มันค่อนข้างยากที่จะหยุด (โมดริช)’ โควาชิช กล่าว ‘เขาเป็นนักเตะที่น่าทึ่ง ผมชื่นชมเขาตอนผมยังเด็กเมื่อเขาเล่นให้สโมสรที่ผมชื่นชอบ, ดินาโม ซาเกร็บ’ ‘เขาทำได้ดีเหมือนตอนนี้เสมอ ตราบใดที่ผมรู้จักเขา…

มาเตโอ โควาซิช กองกลาง เชลซี หวังให้ชัยชนะจากเกมลีกเมื่อสุดสัปดาห์เหนือ เซาธ์แฮมตัน 6-0 เป็นสปริงบอร์ดฟื้นความมั่นใจเพื่อพลิกสถานการณ์ใส่ เรอัล มาดริด รอบก่อนรองฯชปล.นัดสอง วันนี้ (12 เม.ย.) ‘สิงห์บลูส์’ ฟอร์มเป๋หลังเบรกทีมชาติเมื่อแพ้ต่อเนื่อง 2 เกมให้ เบรนท์ฟอร์ด 1-4 ต่อด้วยคารังแก่ มาดริด 1-3 รอบก่อนรองฯชปล.นัดแรก จนโอกาสเข้ารอบตัดเชือกยากเป็นเข็นครกขึ้นภูเขาเพราะต้องเฮผลต่าง 3 ประตูที่ ซานติอาโก เบร์นาเบว   อย่างไรก็ตาม โควาซิช ฐานะศิษย์เก่า ‘ราชันชุดขาว’ เชื่อว่าขวัญของทีมถูกเรียกกลับมาแล้ว ลำดับต่อไปแค่เค้นศักยภาพที่ดีสุดของตัวเองมาสร้างปาฏิหารย์ยังเมืองหลวงสเปน  “มันไม่เคยง่ายในการกลับมาลงเล่นหลังโปรแกรมทีมชาติ แต่มันก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่เราจะทำผลงานต่ำกว่ามาตรฐานใน 2 นัดนั้น ถือว่าจำเป็นที่เราต้องเปิดอกคุยกัน เราต้องดูว่าจุดไหนที่เราสามารถทำให้ดีขึ้น และจุดไหนที่เราทำได้ดีอยู่แล้ว” กองกลางโครแอตเปิดปาก  “แน่นอนว่าเรายังมีโอกาสผ่านเข้ารอบ มุ่งมั่นที่จะแสดงผลงานที่ดีที่สุด เกมนัดแรกเราอาจแสดงผลงานไม่ดี, ผลการแข่งขันน่าผิดหวัง แต่มันยังไม่หมดโอกาส เชื่อว่าเกมนี้จะเป็นแมตช์ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ และเราก็เฝ้ารอถึงมัน’ พร้อมกันนั้นมิดฟิลด์วัย 27 ปียังเชื่อว่าค่ำคืนแชมเปี้ยนส์ ลีก เหมาะแก่การสร้างปาฏิหารย์ ดังนั้นพร้อมย้อนรอยผลงาน ‘สิงห์บลูส์’ ซึ่งปราบ นาโปลี เมื่อซีซั่น 2011-12 ที่แพ้ก่อนเลกแรก 1-3 แต่ยิงคืนเลกสอง 4-1 “วันก่อนผมได้เห็นวิดีโอตอนที่ เชลซี ลงเตะกับ นาโปลี เราแพ้ 1-3 ฐานะทีมเยือน แล้วที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ สามารถกลับมาชนะได้ 4-1” กองกลางรองแชมป์โลกเสริม “ฟุตบอลมีเรื่องน่าประหลาดใจเกิดขึ้นเสมอ แน่นอนว่าเราต้องเตรียมตัวให้พร้อมเกิน 100% เพื่อที่จะสามารถกลับมาให้ได้” เอเชี่ยนแฮนดิแคปเสมอ เรอัล มาดริด, ประตูรวมสองลูกครึ่ง-10

คาร์โล อันเชล็อตติ เทรนเนอร์ เรอัล มาดริด ได้ทีคุยหลังเกมว่าทีมไม่มีความคิดที่จะแพ้ทำให้เอาตัวรอดเข้ารอบตัดเชือกหลังต่อเวลาดับฝัน เชลซี “ราชันชุดขาว” ที่บุกชนะ 3-1 ในเกมแรก เกือบฝันร้ายหลังปล่อยให้ เชลซี ออกนำ 3-0 จนทำให้สกอร์รวมแพ้ 3-4 ทว่ามาได้ประตูตีไข่แตกจาก โรดริโก้ ทำให้ต้องไปสู้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ และเป็น คาริม เบนเซม่า โหม่งประตูสำคัญให้ทีมเข้ารอบสกอร์รวม 5-4  อันเชล็อตติ กล่าวว่า “เกมนี้ยาก เรารู้อยู่ก่อนแล้ว และมันก็ยากกว่าที่คาดด้วยซ้ำ เราไม่ควรตามหลัง 0-2 แต่ก็เสียจากลูกตั้งเตะ เราขาดนักเตะดีที่สุดของเราในการเล่นลูกตั้งเตะ (เอแดร์ มิลิเตา)” “เป็นเรื่องจริงที่เราไม่กระหายในการพยายามยิงประตูในครึ่งแรก และเรามีปัญหาหลังตอนโดน 2-0 เนื่องจากสภาพจิตใจของทีมตกลงไป แต่คุณจะอธิบายอย่างไรได้? มนต์ขลังของสนามช่วยนักเตะ และทีมซึ่งไม่เคยยอมแพ้”  “ผมไม่มองว่าเราจะแพ้เกมนี้ มันยากแต่คุณไม่เคยคิดหรอกว่าจะแพ้ที่ เบร์นาเบว มันยากที่จะอธิบายมนต์ขลังของสนาม แต่มันช่วยคุณได้”