ชุมชนคนรักสิงโตคำราม

วันที่ 24 ก.ค. 63 เดอะ มิร์เรอร์ สื่อดังของอังกฤษ ตีบทสนทนาสุดเดือดข้างสนามระหว่าง แฟรงค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีม “สิงโตน้ำเงิน” เชลซี กับ เป๊ป ลินเดอร์ส ผู้ช่วยผู้จัดการทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เกมดังกล่าวเป็น ลิเวอร์พูล ที่ฉลองแชมป์อย่างชื่นมื่นหลังเปิดสนามแอนฟิลด์เอาชนะ เชลซี ไป 5-3 แต่จังหวะที่พูดถึงอย่างมากในโลกโซเชียล เกิดขึ้นในช่วงที่ ลิเวอร์พูล ได้ฟรีคิกจากจังหวะที่ ซาดิโอ มาเน โดน มัตเตโอ โควาซิช ทำฟาวล์ ทั้งที่ภาพช้าแสดงให้เห็นว่า โควาซิช สไลด์โดนบอลเต็มๆ ก่อนที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ จะซัดเข้าไปตุงตาข่าย แต่ก่อนหน้าที่ เทรนต์ จะยิงนั้น แฟรงค์ แลมพาร์ด มองว่าไม่ฟาวล์ และมีการโต้เถียงกับ ลินเดอร์ส อย่างเผ็ดร้อน…

แฟรงค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีมเชลซีเชื่อว่าทีมของเขาสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างแท้จริงเมื่อฤดูกาลสิ้นสุดลง เชลซี ต้องการเพียงแค่ 1 คะแนนในการแข่งขันกับวูล์ฟส์ หรือหากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกชนะเลสเตอร์ พวกเราจะจบในอันดับท็อปโฟร์โดยอัตโนมัติ สถานการณ์ของทีมในตอนนี้ควรเป็นสิ่งที่นักเตะทุกคนเปิดกว้างรับเอาไว้จากการให้สัมภาษณ์ของแลมพาร์ด ‘พวกเขาต้องคว้ารับมันเอาไว้’ แลมพาร์ด กล่าว ‘บางครั้งก็หวังว่าพลังวัยรุ่นจะสามารถช่วยเราได้ แต่นอกจากนี้เรายังมีนักเตะที่เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาแล้วเช่นกัน นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในการลงเล่นให้กับสโมสรระดับท็อป อีกอย่างคือเราควรจะมีความสุขเกี่ยวกับความสำเร็จลุล่วงในฤดูกาลนี้” “เพราะว่าตอนเริ่มต้นฤดูกาล มีแค่ไม่กี่คนที่คาดหวังว่าทีมของเราจะมีลุ้นจบท็อปโฟร์แต่ตอนนี้มันอยู่ในมือของพวกเราแล้ว”

บิลลี่ กิลมอร์ กองกลางวัยดาวรุ่งของเชลซี มีรายชื่อเป็น 1 ใน 6 นักเตะ ที่ได้ลุ้นรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของศึกพรีเมียร์ ลีก 2 กิลมอร์ ที่ปัจจุบันถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่อย่างเป็นทางการ มีชื่อเข้าลุ้นรางวัลในการแข่งขัน พรีเมียร์ ลีก 2 โดยเขาลงตัวจริงไป 11 จาก 17 นัด ยิงได้ 2 ประตู และทำอีก 4 แอสซิสต์ ช่วยให้ทีมของ แอนดี้ มายเออร์ส นำเป็นจ่าฝูงก่อนการประกาศตัดจบซีซั่นเมื่อเดือนมีนาคม มิดฟิลด์รายนี้ย้ายจากกลาสโกว์ เรนเจอร์ส มาอยู่กับเชลซีในซัมเมอร์ ปี 2017 เขาพัฒนาตัวเองขึ้นมาในระบบทีมเยาวชนของเชลซีอย่างรวดเร็ว และได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือนสิงหาคม ปี 2019 ของ พรีเมียร์ลีก2 ก่อนจะต่อสัญญาฉบับใหม่กับสิงห์บลูส์ และได้ลงประเดิมสนามให้ทีมชุดใหญ่ แต่ไม่สามารถลงเล่นในช่วงท้ายฤดูกาลเพราะเข้ารับการผ่าตัดบริเวณหัวเข่า สำหรับการแข่งขันของทีมระดับอคาเดมี่ แข้งวัย 19 ปี ลงสนามไป 15 นัด ทำผลงานเตะตา แฟรงค์…

พูลิซิช มีชื่อเป็นตัวสำรองในสองเกมที่ผ่านมาหลังพบอาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยจากการแข่งขันกับนอริชที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ แต่ร่างกายของเขาฟิตพอที่จะได้ลงเล่นในครึ่งหลังในแมตช์กับลิเวอร์พูล ซึ่ง แลมพาร์ด ถูกถามถึงความสนำคัญของ พูลิซิช ต่อแผนการทำงานในฤดูกาลหน้า “เขาสำคัญมาก” แลมพาร์ด กล่าว “คริสเตียน ก็มีช่วงเวลาของเขา แต่ในช่วงครึ่งทางของฤดูกาล เขาทำผลงานได้ดีมาก ๆ และตั้งแต่ฟุตบอลกลับมาแข่งขัน ฟอร์มของเขาก็สุดยอดมากเลย อาการบาดเจ็บที่เขาได้รับในเกมกับนอริชทำให้เขาไม่ได้ลงเล่นในรอบรองชนะเลิศตอนที่ผลงานกำลังบินสูง เกมกับลิเวอร์พูลเขาลงมาเล่น 40 นาที ซึ่งถือเป็นเรื่องที่วิเศษต่อความมั่นใจเกี่ยวกับอาการเจ็บ และฝีเท้าที่เขาได้แสดงออกมาให้เห็น “เขายังอายุน้อยมาก เขามีพรสวรรค์ที่เป็นธรรมชาติ เขาสร้างโอกาสให้คนอื่นและยิงประตูด้วยตัวเอง” “เขาคือนักเตะคนสำคัญของเรา ดังนั้นแล้วผมดีใจมากที่ได้เห็นเขากลับมาฟิตลงเล่น ชัดเลยว่าเขาจะป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมในการแข่งขันที่เหลืออยู่อีกไม่กี่นัดในฤดูกาลนี้ รวมทั้งในอนาคตด้วยเช่นกัน”

เซซาร์ อัซปิลิเกวต้า เบ็ควัยเก๋าของทีมเชลซี ระบุว่าผลงานที่ไม่สม่ำเสมอทำให้เชลซีเป็นฝ่ายแพ้ต่อทีมลิเวอพูล  โดยกัปตันทีมเชลซี โฟกัสไปที่การแข่งขันในวันอาทิตย์ และโอกาสครั้งที่สองในการคว้าตั๋วไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีกฤดูกาลหน้า หนึ่งคะแนนที่แอนฟิลด์ถือว่าเพียงพอต่อการผ่านไปเล่นฟุตบอลยุโรปถ้วยใหญ่ แต่แม้จะทำเกมรุกได้อันตรายกว่าในช่วงต้นเกม แต่ความอ่อนแอในเกมรับ บวกกับความเฉียบคมของลิเวอร์พูลทำให้เชลซีต้องเป็นฝ่ายตามหลัง “เกมรับของเราเล่นกันได้ไม่แข็งแกร่งมากพอกับทีมที่มีการบุกหลายรูปแบบ” อัซปิ กล่าว “เราเสียไป 5 ประตูซึ่งมันได้กลายเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ แม้ว่าเกมรุกเราจะดูอันตราย และมีโอกาส 2-3 ครั้งในการยิงประตูเพิ่ม แต่เวลาที่คุณลงแข่งขันกับทีมแชมป์ คุณต้องทำให้มากกว่านี้เพื่อจะเก็บแต้ม”

มาร์ค ลอว์เรนสัน กูรูลูกหนังชื่อดัง ออกมาวิเคราะห์ก่อนเกมที่ทาง ลิเวอร์พูล ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มีโปรแกรมลงสนามพบ เชลซี ในเกมลีกนัดที่ 37 หรือนัดรองสุดท้าย ประจำฤดูกาล 2019-20 ในค่ำคืนนี้ 02.15 น. ตามเวลาประเทศไทย ลอว์เรนสัน ออกมากล่าวว่า “เกมนี้ลิเวอร์พูลจะชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก และผมคิดว่าเกมนี้มันจะมีอิทธิพลต่อการเลือกจัดตัวของ เยอร์เกน คลอปป์ ที่เขาน่าจะเลือกทีมที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ซึ่งพวกเขาจำเป็นต้องกลับมาอีกครั้งหลังจากที่นัดล่าสุดพ่ายแพ้ให้กับ อาร์เซนอล” “แน่นอนว่าพวกเขาจะกลับมามุ่งมั่นอีกครั้ง ขณะที่ เชลซี พวกเขาต้องการสามคะแนนเพื่อรักษาอันดับที่สาม แต่เกมนี้ผมคิดว่า ลิเวอร์พูล จะกลับมาเล่นได้ดีอีกครั้งเหมือนช่วงต้นฤดูกาลและจะเอาชนะผู้มาเยือนในเกมนี้ด้วยสกอร์ 2-0”

อเรโอลา นายทวารจากเรอัลมาดริดได้ซื้อบ้านในเมืองลอนดอนประเทศอังกฤษ อาจเป็นสัญญาณว่าเจ้าตัวจะย้ายมาเล่นให้เชลซี ตลอดฤดูกาล 2019-20 อาเรโอลา ลงเฝ้าเสาให้กับเรอัล มาดริด 13 เกมเท่านั้นรวมทุกรายการ และตอนนี้เขาต้องการลงสนามอย่างต่อเนื่อง เพื่อหวังมีชื่อติดทัพ “ตราไก่” ทีมชาติฝรั่ง ไปลุยศึกฟุตบอลยูโร 2020 ที่เลื่อนจัดเป็นปีหน้า ประจวบเหมาะกับสโมสร เชลซี พอดีที่กำลังมองหาผู้รักษาประตูรายใหม่เข้ามาเสริมทัพแทน เกปา อาร์ริซาบาลากา นายด่านค่าตัวแพงที่สุดในโลก ที่ฟอร์มกระท่อนกระแท่นเหลือเกินในซีซันนี้ ล่าสุด นายทวารเชื้อสายฟิลิปปินส์รายนี้ ได้ทำการซื้อบ้านในเมืองลอน ประเทศอังกฤษ โดยมี ภรรยาของเขา มาริออน ฟาราห์ อาเรโอลา ได้โพสต์ภาพบ้านหลังใหม่พร้อมสมาชิกครอบครัว ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว “เมื่อไปกี่ที่ผ่านมา ความฝันของเราคือการมีบ้านในลอนดอน ความฝันของเราเป็นจริงแล้ว ขอให้มีความสุขด้วยเถิด”

โอเล กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมของแมนฯ ยูฯ มองว่า คำพูดชักจูงใจผู้ตัดสินก่อนเกมของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ได้ผลเป็นอย่างดี หลัง เคิร์ต ซูมา ไม่โดนใบแดงในเกม เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ที่ผ่านมา แลมพาร์ดออกมากล่าวดักก่อนเกมว่า แมนยูมักได้รับผลประโยชน์จากการตัดสินของ VAR ก่อนที่เขาจะพาทีมพิชิตคู่แข่ง 3-1 และผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ  อย่างไรก็ดี เกมนี้มีจังหวะปัญหาเกิดขึ้น เมื่อ เคิร์ต ซูมา ไปเตะขา อองโธนี มาร์กซิยาล ในเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินกลับไม่เป่าเป็นลูกฟาวล์ ซึ่งกุนซือชาวนอร์เวย์เชื่อว่าเป็นผลมาจากคำพูดของแลมพาร์ดนั่นเอง “มีการทำฟาวล์ถึง 21 ครั้ง แต่กลับไม่มีใครโดนใบเหลือง” โซลชา กล่าวผ่าน Sky Sports “ผมไม่อยากพูดถึงมันอีกครั้ง แต่อองโธนีถึงบอลก่อน และซูมา ก็ไปเตะขาอองโธนีนั่นคือใบแดงและถูกไล่ออก แต่นั่นคือช่องโหว่เล็ก ๆ ในเกมฟุตบอลแต่มันดูเหมือนว่าการชักจูงใจของแลมพาร์ดจะได้ผล”

แฟร็งค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีมเชลซีออกมาเผยเป้าหมายหลักฤดูกาลนี้ของเชลซีว่าต้องการพาทีมจบอันดับท็อป4เพื่อคว้าตั๋วไปเล่นแชมป์เปียนลีก แม้จะผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพไปพบกับอาร์เซนอล แต่แลมพาร์ดยืนยันว่าการผ่านไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก ยังคงเป็นเป้าหมายหลักสำหรับทีม “ต้องบอกว่าพวกเราวางเป้าหมายนี้ไว้เป็นอันดับหนึ่งมาตั้งแต่เริ่มฤดูกาลแล้ว เพราะว่าเป็นรายการที่คุณต้องเข้าร่วมแข่งในทุกซีซัน”แลมพาร์ด กล่าว “มันเป็นเกณฑ์วัดว่าคุณภาพสโมสรของคุณอยู่ในระดับไหน เราสามารถทำแบบนั้นได้บ่อยมากตลอด 10 หรือ 15 ปีที่เชลซี ปีนี้ผมคิดว่าอาจจะเป็นปีที่ต้องพยายามมากที่สุด ถ้าเราทำได้ผมคงจะมีความสุข”

เมสัน เมาท์ กองกลางดาวรุ่งจากเชลซี ได้ออกมาเผยว่าตนนั้นอยากพาทีมต้นสังกัดคว้ามแชมป์เอฟเอคัพ และพาทีมจบอันดับท็อป4 ในพรีเมียร์ลีก “เราแข่งกับลิเวอร์พูลไป 3 ครั้งในฤดูกาลนี้ซึ่งก็สู้ได้อย่างสูสี เวลาที่คุณได้เห็นบางอย่างเช่นการชูถ้วยฉลองแชมป์ มันก็ช่วยให้มีกำลังใจสำหรับการแข่งขันในซีซั่นหน้า”เมาท์ กล่าว “ผมเป็นคนที่ชอบคว้าชัยชนะ ดังนั้นจึงไม่ค่อยชอบเห็นคนอื่นคว้าแชมป์โดยเฉพาะกับทีมอื่น เวลาได้เห็นอะไรแบบนี้ มันจะช่วยมอบแรงกระตุ้นพิเศษให้เราอยากทำได้บ้าง นี่คือบางอย่างที่เราจะปฏิบัติและพยายามจบฤดูกาลในอันดับท็อปโฟร์พร้อมกับคว้าแชมป์ให้ได้ โฟกัสของเราในฤดูกาลหน้าคือการผลักดันต่อไปเพื่อคว้าแชมป์มาครอง”