เกล็น จอห์นสัน อดีตกองหลังทีมชาติอังกฤษมองว่า ลิเวอร์พูล คือสโมสรที่เหมาะกับ จู๊ด เบลลิงแฮม กองกลางของ ดอร์ทมุนด์ มากกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ เชลซี แข้งวัย 18 ปีก้าวขึ้นมาเป็นดาวรุ่งอนาคตไกลที่น่าจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งของวงการลูกหนัง ซึ่งหลายสโมสรในอังกฤษล้วนให้ความสนใจอยากดึงกลับมาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก ในมุมมองของ จอห์นสัน ชี้ว่า เบลลิงแฮม น่าจะทำได้ดีในการค้าแข้งในแอนฟิลด์มากกว่าที่อื่นในแดนผู้ดี โดยเมื่อถูกถามว่าสโมสรไหนจะช่วยให้ เบลลิงแฮม ก้าวหน้ามากที่สุด จอห์นสัน กล่าวว่า “ผมคงจะต้องตอบว่า ลิเวอร์พูล” “แม้ว่า ลิเวอร์พูล จะมีผู้เล่นซูเปอร์สตาร์ พวกเขายังมีทีมขนาดเล็กและพวกเขาไม่มีนักเตะซูเปอร์สตาร์ที่นั่งอยู่ม้านั่งข้างสนามมาทุบประตู ดังนั้นมันง่ายที่จะทำให้ทีมแฮปปี้” “ถ้า จู๊ด ย้ายไปร่วมทีม ลิเวอร์พูล ผมเชื่อว่าพวกเขาสามารถดูแลเขาได้ดีกว่าทีมอื่นและจะทำให้เขาได้โอกาสมากขึ้น นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ” “ถ้าเขาไปเล่นกับ เชลซี หรือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และไม่งัดผลงานออกมาในทันทีแรงกดดันจะถาโถมใส่และเขาจะถูกกันออกไปและจะคนเข้ามาและแย่งตำแหน่งเขาไป” “ลิเวอร์พูล มีทีมขนาดเล็กจะช่วยเขาได้ในแง่นั้น”
Tag: แมนยู
กลัวแผนรั่ว! สโมสรพรีเมียร์ลีกรวมตัวกันไม่เห็นด้วยกับการที่เจ้าหน้าที่บุกเข้าห้องแต่งตัวนักเตะก่อรแข่ง
สโมสรสมาชิกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไม่เห็นด้วยกับมาตรการล่าสุดที่ลีกเตรียมออกมาบังคับใช้เพื่อให้เกิดความรัดกุมสำหรัลป้องกันโคโรน่าไวรัสระบาดนั่นคือมีเจ้าหน้าที่บุกห้องแต่งตัวก่อนแข่ง เพราะหากมองแง่ร้ายอาจทำให้แผนการเล่นที่เตรียมมาหลุดรั่วได้ รายงานจาก ‘เมล ออนไลน์’ ว่าสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ในอังกฤษเริ่มส่งผลต่อทีมฟุตบอลลีกสูงสุดต่างโดนไวรัสมรณะเล่นงานศูนย์ฝึกไม่ว่า แมนฯ ซิตี้, ฟูแล่ม, เชฟฯ ยูไนเต็ด หรือ แอสตัน วิลล่า ทำให้ลีกจำเป็นต้องหาทางรับมือแบบที่เข้มข้นขึ้น หนึ่งในนั้นคือให้เจ้าหน้าที่ลีกหรือผู้ควบคุมการแข่งขันแมตช์เดย์นั้นๆ บุกห้องแต่งตัวทั้งทีมเหย้า-ทีมเยือน เพื่อตรวจสอบว่านักกีฬา-สตาฟฟ์ หย่อนยานเรื่องป้องกันโควิด-19 หรือไม่ ปัญหาที่ทีมสมาชิกกังวลคือจำนวนเจ้าหน้าที่ซึ่งตรวจสอบจะมีกี่คน เพราะยิ่งมากก็ทำให้การอัพเดทขุมกำลังก่อนแข่งและแท็คติคซึ่งวางไว้กลางห้อง อาจหลุดรอดสู่ภายนอก ไหนจะเรื่องเวลาการเข้าตรวจอาจทับซ้อนตอนที่ผจก.ทีมกำลังถ่ายทอดแผนการเล่นสำคัญ แล้วบังเอิญไปเข้าหูฝ่ายตรงข้ามจนเสียประโยชน์ ส่วนมาตรการอื่นๆ คือห้ามผู้เล่น, ผจก.ทีม และ สตาฟฟ์โค้ช จับมือหรือสวมกอดทักทายกันกับสมาชิกทีมคู่แข่ง, ห้ามแลกเสื้อแข่ง หรือตัวสำรองต้องสวมหน้ากากป้องกันฝอยละอองตอนอบอุ่นร่างกายเหมือนที่ นักกายภาพและทีมแพทย์ปฏิบัติอยู่